1.ปรับเปลี่ยนความเข้าใจว่า การผัดวันประกันพรุ่งไม่ใช่ “ความขี้เกียจ” แต่บางกรณีเป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงภาวะกดดัน เช่น ความรู้สึกกดดันที่จะต้องเรียนให้ได้เกรดสูง หรืออาจจะเป็นเพราะกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี กลัวว่าทำแล้วจะถูกมองว่าโง่ ดังนั้นจะไม่ทำอะไรที่จะเป็นสิ่งที่ให้คนอื่นมาตัดสินและวิพากษ์วิจารณ์ได้ ดังนั้นสามารถแก้ได้โดยเพิ่มทักษะในการบริหารจัดการเวลา
2.ประเมินว่าความรู้สึกอะไรที่มักจะเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่การผัดวันประกันพรุ่ง
3.แตกงานให้เป็นงานย่อยๆ เพื่อให้ง่ายจะทำให้บรรลุผลสำเร็จ
4.ตั้งมั่นว่าจะทำงานย่อยๆนั้นให้เสร็จ โดยเขียนแปะให้เห็น และเมื่อทำสำเร็จก็ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง อย่าปล่อยให้อะไรมาขัดจังหวะ และยอมให้ดึงดูดคุณออกจากงานที่กำลังทำเป็นอันขาด ใครก็ตามที่รู้ว่าคุณกำลังมุ่งมั่นจะทำงานให้สำเร็จ ย่อมที่จะรอให้คุณเสร็จจากงานก่อน ยกเว้นจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
5.เลือกสถานที่ในการทำงานที่มีบรรยากาศเอื้ออำนวยต่อการทำงาน รวมทั้งเลือกคนที่จะอยู่ด้วยที่มีแนวโน้มจะไม่โอนอ่อนต่อการยอมแพ้กับสิ่งยั่วยวนให้เลิกทำงานตรงหน้า
6.ยึดเป้าหมายให้แน่น ว่าต้องการจะเห็นอะไรเกิดขึ้น และบอกกับตัวเองว่าเมื่องานนั้นสำเร็จ คุณจะได้อะไรบ้างที่มีค่าแก่ตัวคุณ ไม่ควรไปยึดว่า “ฉันจะต้องหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง” นั่นจะยิ่งทำให้คุณเกาะติดสิ่งเหล่านั้นไปโดยไม่รู้ตัว
7.เข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงและความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นต้องใช้เวลา ไม่ใช่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด และต้องอาศัยความพยายาม และกำลังใจที่แรงกล้า อย่าทำลายกำลังใจของตัวเองเมื่ออะไรๆไม่เป็นดังใจในระยะเวลาอันสั้น
8.หมั่นย้ำเตือนตัวเองถึงเป้าหมาย และบอกตัวเองว่า “ฉันจะ” แทนคำว่า “ฉันน่าจะไม่....” เพื่อปรับเปลี่ยนนิสัยเดิมๆ ที่มักนำไปสู่การผัดวันประกันพรุ่ง
9.หากรู้สึกไม่ไหวแล้วที่จะต้องมีชีวิตตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ ก็ปล่อยซะบ้าง อย่าไปยึดติดกับตารางเวลา แต่ขอให้ยึดที่ผลงานว่าจะต้องทำอะไรให้สำเร็จ เมื่อผ่อนคลายขึ้นเร็ว ไม่รู้สึกว่าบังคับตัวเองมากเกินไป ก็จงรีบกลับมาทำงานต่อโดยเร็ว
10.เมื่อคุณเริ่มลงมือทำ อาจจะเริ่มเซ็ง ท้อในไม่กี่นาที ไม่เข้าใจ ไม่เอาแล้ว พักก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยเริ่มใหม่ ขอให้คุณอดทนให้ครบ 10 นาที (หรือสัก 15 นาที) คุณจะเริ่มมีสมาธิ และอยู่กับงานนั้นๆ ได้ งานคุณจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และอาจจะเสร็จในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นคือ ความสำเร็จเล็กๆของคุณแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เลิกนิสัยผัดวันประกันพรุ่งนั้น บอกไม่ได้ว่าจะทำเมื่อไหร่ บางคนอาจจะได้แรงบันดาลใจจากคำพูดของใครบางคน หรือตัวอย่างจากคนรอบข้าง บางคนก็เริ่มต้องเปลี่ยนเพราะเห็นเค้าลางว่าจะต้อง “เหตุกการณ์ที่ไม่พึงประสงค์” แน่ ถ้าไม่เปลี่ยน แต่บางคนก็ต้องรอให้เห็น “เห็นโลงศพ” แล้วค่อย “หลั่งน้ำตา” ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตามล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดี เพราะการที่คุณเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เลิกผลัดวันประกันพรุ่งก็เท่ากับคุณ “รัก”ตัวเองมากขึ้น เพราะคุณกำลังจะมอบสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองแล้ว
ประยุกต์จาก http://www.princeton.edu/mcgraw/library/for-students/avoiding-procrastination/procrastination.pdf
